the memory place outside my brain !!!

Sunday, February 04, 2007

ขออาศัยฝากความรู้หน่อยนะจ๊ะ

กลไกป้องกันตน (Defense Mechanism) เป็นหนึ่งในหัวข้อการศึกษาของ จิตวิทยา
กลไกป้องกันตน เป็นเครื่องมือในการบิดเบือนหรือหนีจากความจริงที่สร้างความไม่สบายใจหรือทุกข์ใจ กลไกป้องกันตนนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผิด นอกจากว่าเราใช้มันมากไปและบ่อย จนทำให้ขาดความรู้สึกที่แท้จริงไปหรือใช้จนกระทั่งชีวิตประจำวันต้องผันแปรไปจากปกติ หากเป็นอย่างนี้ ก็เรียกได้ว่า เราเกิดพยาธิสภาพทางจิตขึ้นแล้ว เราแยกชนิดของกลไกป้องกันตน แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ

1. กลไกป้องกันตนประเภทถอยหนี (Escape techniques) ใช้เพื่อหนีหรือหลีกเลี่ยงจากสถานการณ์ที่ทำให้เกิด
ความวิตกกังวล

การเก็บกด (Repression) ซึ่ง Freud เป็นคนเริ่มแนะนำคำๆนี้ โดยอธิบายว่าหมายถึง วิธีการที่บุคคลพยายามฝังความคิดที่ก่อให้เกิดความวิตกกังวลให้อยู่แต่ในจิตใต้สำนึก และรบกวนชีวิตประจำวันได้ ซึ่งการเก็บกดไม่เหมือนความพยายามไม่นึกถึง การไม่นึกถึงเป็นการเก็บกักความคิดหรือความรู้สึกโดยรู้ตัวว่าตัวเองพยายามเก็บอะไร ซึ่งความคิดหรือความรู้สึกนั้นยังฝังอยู่ในจิตสำนึกอยู่ แต่การเก็บกดนั้นเป็นการลบให้มันหายไปจากความรู้สึกและความทรงจำ ซึ่งความจริงแล้วมักไม่หายไปแต่จะเข้าไปฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของคนๆนั้น บางคนไม่ได้พยายามลบเฉพาะเหตุการณ์นั้นๆเท่านั้น แต่จะลบทุกอย่างที่เกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นๆด้วย การเก็บกดที่มีลักษณะเด่นชัดและมีความรุนแรงที่สุดนั้นอยู่ในรูปของโรคลืม (amnesia) ซึ่งบางครั้งอาจเกิดจากความผิดปกติทางกาย เช่น เกิดจากความเสียหายของเนื้อเยื่อในสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความทรงจำ ซึ่งอาการของโรคนี้ที่มีสาเหตุจากทั้ง 2 ชนิด มีลักษณะคล้ายกัน จึงทำให้ยากต่อการแยกแยะว่าเกิดจากชนิดใด จึงต้องมีการตรวจหาสาเหตุควบคู่กันไป

การสร้างจินตนาการ (fantasy) ซึ่งมีหลายระดับ หลายรูปแบบที่พบบ่อย คือ การฝันกลางวัน (day dreaming) มักเกิดขึ้นบ่อยที่สุดในระยะที่บุคคลเข้าสู่วัยรุ่น อันเป็นวัยที่เขาไม่แน่ใจในบทบาทและเกิดความคับข้องใจจากความไม่แน่ใจนั้น และจากปัญหาอื่นๆซึ่งมักเกิดในวัยนี้ หากไม่สามารถที่จะปรับตัวเข้ากับความจริงได้ เขาอาจหนีเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการ จนในที่สุดอาจไม่สามารถแยกความจริงกับจินตนาการออกจากกันได้ และเกิดพยาธิสภาพทางพฤติกรรมขึ้น
การถอยกลับ (regression) นักจิตวิทยาบางคนเชื่อว่า การแสดงตนว่าป่วยไข้ของคนบางคน อาจเกิดจากการต้องการความสนใจจากคนอื่นๆ (hypochondriac) เหมือนเด็กๆที่ต้องการพึงพาพ่อแม่ การจะพึ่งพาคนอื่นจะทำได้ง่ายขึ้นเมื่อเราแสดงตัวว่าป่วย หากเป็นพฤติกรรมที่ทำเป็นประจำ จะเกิดขึ้นจากความคับข้องใจที่รุนแรง และการคงอยู่ของพฤติกรรมนั้นทำให้บุคคลแก้ไขความคับข้องใจได้ลำบากขึ้น

2. กลไกป้องกันตนประเภทประนีประนอม (Compromise techniques) เราใช้มันเพื่อลดความเครียดอันเกิดจากความผิดพลาดหรือความล้มเหลวของตนเอง แต่การใช้ในปริมาณที่มากและบ่อยเกินไป ก็เป็นอาการที่บ่งบอกถึงความผิดปกติของพฤติกรรมที่รุนแรงได้

การซัดโทษ (projection) เป็นการเก็บกดและปิดลักษณะที่ไม่เหมาะสมของตนเอง และขณะเดียวกันก็ป้ายลักษณะที่ไม่เหมาะสมนั้นไปให้คนอื่น ซึ่งเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว จากการที่เราไม่ชอบ ไม่อยากเห็น ตัวเราเองไม่ดี จึงกล่าวหาว่าคนอื่นมีลักษณะนั้นๆแทนเสีย

การทดแทน (sublimation) ซิกมุนด์ ฟรอยด์กล่าวว่า การทดแทนเป็นการที่คนสร้างจุดมุ่งหมายที่ 2 ขึ้นมาแทนจุดมุ่งหมายที่พลาด จะใช้เมื่อเรากลัวการไม่ยอมรับจากสังคม โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องเพศ ซึ่งคนเราไม่สามารถที่จะสนองตอบความต้องการทางเพศของเราได้เสมอไป จึงต้องมีกิจกรรมอื่นเข้ามาเพื่อทดแทน เช่น การออกกำลังกาย วาดเขียนและเขียนหนังสือ เป็นต้น หากการทดแทนมีมากเกินไป อาจทำให้บุคคลสูญเสียความนับถือในตนเองได้

การกลบเกลื่อนโดยแสดงออกในทางตรงกันข้าม (reaction formation) การกลบเกลื่อนโดยแสดงออกในทางลบ เกิดจากการที่บุคคลมีแรงจูงใจที่ไม่เหมาะสม ขณะเดียวกันก็มีความโกรธโดยไม่รู้ตัว ว่าจะมีคนอื่นรู้และตำหนิเขาที่มีแรงจูงใจที่น่าละอายนั้น กลัวว่าคนอื่นจะมองว่าคุณค่าของตนเองลดลง ส่วนการ

กลบเกลื่อนโดยแสดงออกในทางบวก เป็นการพยายามแสดงความดีหรือแสดงพฤติกรรมที่สังคมยอมรับมากเกินขอบเขต

การชดเชย (compensation) เกิดจากการที่บุคคลเกิดความคับข้องใจในเป้าหมายที่ไม่สามารถบรรลุได้ จึงตั้งเป้าหมายใหม่ที่สามารถเป็นไปได้และใกล้เคียงกับเป้าหมายเดิม ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายการทดแทน แต่การทดแทน เกิดจากความคิดหรือความรู้สึกไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม ส่วนการเบนเป้าหมาย เกิดจากความล้มเหลวที่เกิดขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม หากการเบนเป้าหมายมีมากเกินไปอาจทำให้คนอื่นรำคาญ และไม่ยอมรับในตัวบุคคลคนนั้นได้เช่นกัน

----------------------------------------------------

มามองตัวเองหน่อย ฮ่าฮ่า

เก็บกด --> ไม่เคยเป็นเลย ดีใจจัง ส่วนใหญ่เก็บไปแค้นมากกว่า ไม่เคยเก็บเหตุการณ์ไม่ดีไว้ในใจ ไม่ได้ลืมด้วย แต่วันๆไม่ว่างจำ เพราะว่า จำแต่เรื่องที่เคยพูดว่า "จำไว้นะเมิง" ฮ่า ฮ่า ฮ่า

สร้างจินตนาการ --> อันนี้พอมีบ้าง โดยมากจะเป็นเวลาที่ปิ๊งใคร อ่ะนะ เวลาแอบชอบคนอื่น ใครไม่จิ้นให้ถีบเลย แต่มีลิมิตในการจินตนาการนะ ก็จะจิ้นไปจนกว่า เค้าจะรังเกียจเราอ่ะ อิอิ แล้วเราก็ต้องเลิกไปเอง

การถอยกลับ --> อันนี้น่าจะออกแนวเรียกร้องความสนใจนะ ไม่รู้สิ ไม่เคยทำ ไม่อยากให้ใครมามองว่าเราอ่อนแอจนต้องมาดูแล ส่วนใหญ่จะเป็นแนว สร้างจินตนาการว่าเราเก่ง แข็งแรง เท่ ไว้ก่อน จะได้ปกป้องคนที่เรารักได้

การซัดโทษ --> อันไหนที่เราเป็นแล้วเห็นว่าไม่ดี เลยไปว่าคนอื่นเหรอ อันนี้ไม่เคยทำนะ เคยแต่ซัดลูกโทษ เช่น ขึ้นเรือผิดก็โทษเพื่อนว่ามันไม่ดูตาม้าตาเรือ (ฮา) ทั้งๆที่เป็นคนเดินนำขึ้นเรือ

การทดแทน --> เออ อันนี้สงสัยจะเป็นว่ะ เพราะฉะนั้น คนรอบคอบอย่างกุ๊ก จึงมี 2 เป้าหมายเสมอ เพื่อทดแทน อย่างกิ๊กเวลามี ต้องอย่างน้อย ขอ 2 ไว้ก่อน อิอิ เจ๊เอก็ชอบด่าว่า เป็นน้องพลับหรือไง ถึงชอบขอ 2 แต่มันช่วยไม่ได้อ่ะ เพื่อพลาดคนที่ 1 ยังมีกิ๊กที่ 2 มาปลอบใจ

การกลบเกลื่อนโดยการแสดงออกตรงกันข้าม --> อันนี้ก็เป็นนะ อิอิ กับคนที่ชอบจริงๆ ชอบทำเป็นไม่ชอบ ก็มันเขินอ่ะ จะให้ไปพูดเลยหรือไง ที่รักจ๋า ฉันชอบเธอนะ ไม่มีทาง ต้องด่าๆเถียงๆไว้ก่อนเป็นพอใจ เอ๊ะ หรือเปล่านะ ไม่เอาไม่พูด

การชดเชย --> อันนี้คล้ายทดแทนเกินไปละ อ่านไม่เข้าใจ เอาเป็นว่า ชดเชยไม่ค่อยชอบ แต่ใครทำอะไรกูไว้ เมิงต้องชดใช้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ว่าไปนั่น แถจริงๆ

0 Comments:

Post a Comment

<< Home